Saturday 31 August 2013

Intended of Government for Southern of Thailand no further prosperity.

Today with the southern view, found that 2.2 million government 's loan for the project high-speed train between Chiang Mai and Korat assuming done in 7 years.

Another seven years later, the money to do so, assumes that again expansion for China and Nong Khai.

The next 15 years do not have any money to develop the south of Thailand. And This was already lacked for 11-12 years ago.

According to the Politic history book, in a western named that Colonial and underdeveloped state of the country.

And call "Rebellion for Development"

Administration of justice requires it fairness.
This feeling acknowledged in Yugoslavia, for only 25 years. Then the country has been cracked into six countries caused there are vulnerable.

If the government has planed to develop the Southern and people. Government must say how value or limit of budget.

It is unfair and cruel. to intend to make this area permanently be very poor.


Thank for Arjan Somkiat Osotsapa



New York Times, when you are going to base on Fact on your News



New York Times, the article of Mr. Jonathan Taperman who has written the appreciation for Ms. Yingluck Shinawatra, Prime Minister of Thailand . There are many mistakes on the article He wrote in news opposite fact that the Thailand economy was declining not flourishing.

 Date on August 30, 2556 New York Times website have to admit that the article of Mr. Jonathan Taperman has written appreciation  Miss Yingluck Shinawatra, Prime Minister of Thailand . Which has been published on the website on last August 22, 2013 . There are many mistakes together. The message has been edited on August 30th . By two key errors, Thailand's economy is currently in recession . It is not flourishing as Mr Jonathan has said . And the issue was later Prime Minister Yingluck is trying to amend the constitution . She as not act as non neutralization as the article claimed before.

The New York Times has updated the 2553 protests against the government , then the fact that it did not happen in January, according to the report . The protesters had been killed by the military not the police. While other issues were not discussed.

Source : Kapook.com 


แจ้งเตือนให้รอชมแสงเหนือ...แสงออโรร่า



มีการแจ้งว่า มีมวลรัศมีโคโรนา (CME - Corona mass ejection) แสดงออกมา มีการตั้งข้อสังเกต ว่ามีออร่า เปล่งออกจากดวงอาทิตย์เมื่อเวลาประมาณ 02.48 UT เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม มีความสัมพันธ์กับระยะเวลา แสดงอยู่ในชั้น C-Class โดยมีแสงวูบวาบยาวนาน ซึ่งเกิดขึ้นในช่วงครึ่งๆ ทางฝั่งทิศตะวันออกของรังสีแสงอาทิตย์

ในขณะที่แสงส่วนใหญ่ของการตกกระทบที่พาดผ่านพื้นโลก โดยคาดว่าจะพาดผ่านมาถึงสนามแม่เหล็กโลกในช่วง 1 กันยายน ผลของปรากฏการณ์ CME นี้  ด้วยความเร็วและความแรงของรังสีสุริยะ มีความถี่สูงอาจก่อให้เกิดพายุสนามแม่เหล็ก (geomagnetic storm) ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสของการดูแสงออโรร่าในช่วงสุดสัปดาห์นี้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและเพื่อให้ทันกับการพัฒนาเว็บไซต์โปรดเข้าไปดูที่ : http://www.geomag.bgs.ac.uk

สำหรับคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการดูแสงเหนือโปรดไปที่  BGS website.

http://www.geomag.bgs.ac.uk/education/viewing_aurora.html

Solar Flare spark aurora alert



A full-halo coronal mass ejection (CME) was observed leaving the Sun at approximately 02.48 UT on 30 August. This was associated with a long duration C-class solar flare which originated in the Eastern half of the solar disc.

While the bulk of the ejecta is not earthbound, a glancing blow is expected to reach the Earth magnetic field during 1st September. The combined effect of this CME and the high speed solar wind stream from a coronal hole could cause a geomagnetic storm, thus increasing the chance of viewing the aurora over the weekend.

For more information and to keep up to date with developments please the BGS website: http://www.geomag.bgs.ac.uk. 

For more advice on viewing the Northern Lights please visit:


ชีวิตคน ไม่มีอะไร แน่นอน...??

วงจรชีวิต ''ยุ้ย-รจนา'' จาก ''ซูเปอร์โมเดล'' ระดับโลกกลายเป็นคนเร่ร่อนข้างถนน


ย้อนกลับไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา สาววัย 18 ปี จากจังหวัดอุบลราชธานี จบการศึกษาเพียงชั้น ป.6 แล้วเข้ากรุงเทพฯ มาเป็นเด็กล้างจานที่ร้านอาหารของญาติแถววัดธาตุทอง และไปสะดุดตาแมวมอง ชักชวนให้เข้าประกวดอีลิต ซูเปอร์ โมเดล ออฟ ไทยแลนด์ 1994 (Elite Super Model of Thailand 1994) เมื่อ พ.ศ. 2537 ได้ตำแหน่งชนะเลิศ และได้เซ็นสัญญากับเอเยนซี่นางแบบเพื่อไปทำงานในต่างประเทศ กลายเป็นนางแบบไทยที่ไปโลดแล่นอยู่ในวงการแฟชั่นระดับโลก มีชื่อเสียงโด่งดังในต่างแดน


ระหว่างปี พ.ศ. 2537 - 2545 ''ยุ้ย-รจนา'' เป็นนางแบบนิตยสารโว้ค ฉบับเอเชีย เดินแบบแฟชั่นในฝรั่งเศส, อิตาลี, สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ และติดอันดับ 1 ใน 12 ซูเปอร์โมเดลโลก และถ่ายแบบโฆษณาสินค้าเป็นจำนวนมาก ที่โดดเด่นสุดๆ คือการเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับน้ำหอมดังอย่าง ''แชแนล'' เคยเป็นตัวประกอบในภาพยนตร์ The Fifth Element (1997) (Uncredited) 

ทำรายได้สูงถึง 50 ล้านบาทต่อปี กับการเป็นนางแบบอินเตอร์ จนชีวิตในวัย 35 ปี กลับพลิกผันจากความหรูหราฟู่ฟ่ามาเป็นสาววัยกลางคนธรรมดาที่แทบไม่มีใครสนใจ ใช้ชีวิตอยู่ในห้องเช่าเล็กๆ ชานเมืองกรุง โดยมีเงินใช้ต่อวันไม่เกิน 100 บาท 

เกิดอะไรขึ้นกับนางแบบระดับซูเปอร์โมเดลของโลก!!

นี่คือคำถามที่ผุดขึ้นในใจของคนที่ทราบข่าวความเคลื่อนไหวของเธอ


ในที่สุดเรื่องนี้ก็ได้รับความกระจ่างแจ้ง เมื่อเจ้าตัวออกมาเปิดใจโดยยอมรับว่า จุดหักเหในชีวิตเกิดขึ้นสืบเนื่องจากการใช้ยาเสพติด เมื่ออายุ 20 ปี และใช้ชีวิตเที่ยวเตร่เมื่ออายุ 24-25 ปี ติดสุราอย่างหนัก จนทำให้เสียการงาน จนถูกยกเลิกสัญญา และต้องเดินทางกลับประเทศไทยในปี พ.ศ. 2545 หลังจากใช้ชีวิตเป็นนางแบบในต่างประเทศ 8 ปี

หลังจากกลับประเทศไทย ยังไม่มีงานทำ ประกอบกับติดสุราเรื้อรัง ต้องไปทำงานโรงงาน อีกทั้งยังมีข่าวอื้อฉาวเรื่องวิวาทกับมารดา และกับสามีชาวไทย ก่อนมีงานถ่ายแบบ เดินแบบ และเป็นอาจารย์สอนเดินแบบ ควบคู่กับการบำบัดอาการจากยาเสพติดอย่างสม่ำเสมอ เพราะมีอาการหลอนๆ เบลอๆ บ้างในบางเวลา 

ชื่อของ ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา ค่อยๆ เลือนหายไปจากวงการ จนไม่มีใครกล่าวถึงอีกเลย 

จนกระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงวันที่ 30 ส.ค. 56 พ.ต.ท.จุมพล กาญจนเสถียร สวป.สน.ภาษีเจริญ ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สน.ภาษีเจริญ ว่ามีผู้หญิงท่าทางวิกลจริตมาก่อกวน สร้างความรำคาญ ที่บริเวณร้านแห่งหนึ่งย่านถนนเพชรเกษมจนลูกค้ากลัวไม่กล้าเข้าร้าน ขอให้ช่วยตรวจสอบ บริเวณริมถนนเพชรเกษม แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ เมื่อเดินทางมาถึง จึงทราบว่าผู้หญิงคนดังกล่าวคือ นางสาวรจนา เพชรกัณหา หรือ ''ยุ้ย'' อดีตนางแบบสาวชื่อดังระดับโลก ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นคนเร่ร่อนไม่มีที่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เดินถือถุงหูหิ้วขนาดใหญ่ ซึ่งภายในมีลังกระดาษบรรจุเสื้อผ้าเก่า ขวดน้ำดื่ม องุ่น และขนมขบเคี้ยว 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดต่อญาติของอดีตนางแบบชื่อดัง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาภายหลังสืบทราบว่า เคยมีประวัติเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา จึงได้พยายามพูดจาโน้มน้าว ให้นางสาวรจนาซึ่งมีสีหน้าอิดโรย เนื้อตัวมอมแมม ท่าทางหวาดระแวง พูดจาไม่อยู่กับร่องกับรอย เกิดความไว้ใจเพื่อส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา เนื่องจากเกรงว่าปล่อยไว้จะเกิดอันตรายต่อบุคคลอื่น หรือต่อตัวนางสาวรจนาเอง 

เจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่า 3 ชั่วโมง อดีตนางแบบสาวชื่อดังจึงยอมเดินทางไปโรงพยาบาลด้วย โดยก่อนจะยอมเดินทางไปโรงพยาบาล อดีตนางแบบชื่อดังซึ่งใช้ยาดมชนิดน้ำป้ายนิ้วมือถูไปที่ที่บริเวณจมูกตลอดเวลา สลับการสูบบุหรี่ พูดจารู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง บางครั้งก็จำเรื่องราวในอดีตของตนเองได้ บางครั้งก็จำไม่ได้ เอาแต่บอกว่าจะไปบวชชีพราหมณ์ที่วัด หรือไม่ก็บอกว่าตนเองป่วยหนัก เลือดมีไวรัส สลับกันไปมาหลายครั้ง 

เมื่อเดินทางไปถึงโรงพยาบาลเจ้าหน้าที่ได้ให้อดีตนางแบบสาวชื่อดังชั่งน้ำหนัก วัดความดัง ก่อนตรวจสอบประวัติคนไข้ พบว่ามีประวัติเข้าออกรักษาตัวหลายครั้ง โดยครั้งล่าสุดได้ทำการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดอุบลราชธานีตามคำร้องขอของญาติ 

อย่างไรก็ตาม เมื่อแพทย์สอบถามอดีตนางแบบชื่อดังเพื่อตรวจสอบอาการเบื้องต้นว่า ประวัติล่าสุดได้ทำการส่งตัวไปรักษาตัวที่ จ.อุบลราชธานี แล้วกลับมาอยู่ที่กรุงเทพฯ อีกได้อย่างไร อดีตนางแบบสาวที่มีผลงานระดับโลกกล่าวว่า 

''อยู่ไม่เป็นที่ หนูเร่ร่อนอยู่ ญาติก็ไม่มี ล่าสุดอยู่ที่จังหวัดมหาสารคาม ไปพักผ่อน ไม่มีงานทำ ก็เลยเข้ามากรุงเทพฯ'' 

อดีตนางแบบชื่อดังกล่าวด้วยว่า สาเหตุที่ตัดสินใจเดินทางกลับเข้ามาในกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพราะรู้สึกว่าตนเองไม่สบายหนัก เป็นโรคเกี่ยวกับสมองหลั่งสารบางอย่างไม่เท่ากัน ตอนนี้รู้สึกแย่สุดๆ จนคิดว่าตนเองเป็น ''ปอบ'' ไม่ใช่คน

''ที่เข้ามากรุงเทพฯ เพราะไม่สบายหนัก เป็นโรคสมองหลั่งสารอะไรบางอย่างไม่เท่ากัน เวลาเศร้าก็เศร้าสุดๆ เวลาดีใจก็ดีใจสุดๆ ตอนนี้รู้สึกแย่ที่สุด คิดว่าตอนนี้ตัวเองไม่ใช่คนคิดว่าเป็นปอบ กลัวคนมาทำร้ายเหมือนกัน เพราะเราเป็นคนเร่ร่อน ต้องย้ายที่ย้ายทางบ่อยๆ เดินทางบ่อยก็กลัว เหนื่อยไม่ได้หลับไม่ได้นอน นี่ไม่ได้นอนมา 4 คืนแล้ว 2 วันมานี้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัว อารมณ์เหมือนไม่ได้สัมผัสร่างกายตัวเอง'' 

ช่างเป็นเรื่องราวชวนให้หดหู่ใจเสียยิ่งกระไร แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ 

นางแบบดังระดับโลกในอดีตเคยหาเงินได้ 50 ล้านต่อปี ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว กระเป๋าใบละแสนสองแสน รองเท้าคู่ละหมื่น วันนี้ ''ยุ้ย'' รจนา เพชรกัณหา สวมแค่รองเท้าแตะหูหนีบ 

มีสมบัติเป็นถุงหูหิ้วขนาดใหญ่ ภายในมีลังกระดาษบรรจุเสื้อผ้าเก่าเอาไว้ผลัดเปลี่ยนกันแดดกันลมเท่านั้น


ที่มา: Sanook.com 


Friday 30 August 2013

กฎกรรม รู้ได้ด้วยทำกรรมฐาน กรรมกำหนด - ประสบการณ์จริง


เราเป็นคนสร้างกรรม 
เราต้องแก้ไขกรรมเวร เราเอง 
ไม่ใช่คนอื่นมาแก้
บางคนก็ให้หลวงพ่อมาช่วยแก้กรรม
แผ่เมตตา อย่างนี้ เป็นไปไม่ได้

กรรมต้องแก้ด้วย "ตัวผู้ทำเอง"
ท่านทั้งหลายเอ๋ย
มานั่งเจิรญกรรมฐานต้องการรู้เวร รู้กรรม
ถ้าจิตท่านสงบ ท่านจะระลึกเหตุการณ์ได้
"ชีวิตนี้จะมีความสุข"

(หลวงพ่อจรัญ จิตธมุโม)

ข้าพเจ้ามองหาหนังสือสวดมนต์ที่เหมาะๆ กับจริตของตนเอง อ่านไปก็หลายเล่ม ทุกเล่มข้าพเจ้าก็จะลองเอามาสวดมนต์ตามดู ทำตามไปทีละบท ทุกหน้า ทุกบทสวดมนต์ที่พิมพ์มาให้ 

แต่ละเล่มข้าพเจ้าพบว่าจะรู้สึกชอบและไม่ชอบ เป็นไปตามจริตส่วนตัว จนกระทั่งข้าพเจ้าอ่านมาถึงหนังสือ"แก้กรรม" และจำไม่ได้ว่าไปได้มาจากที่ไหน เพราะหนังสือแจกธรรมะ มีเยอะ ได้มาเยอะ ตามความเชื่อการแก้เคราะห์ สะเดาะกรรมพิมพ์หนังสือแจก ข้าพเจ้าชอบเก็บมาจากทุกที่ที่เจอ จะอ่านแล้วนำมาสวดมนต์ตามทุกเล่ม เพื่อเป็นบุญกุศลให้แก่ผู้มีจิตศรัทธา สละทรัพย์ผลิต นำมาแจกให้อ่าน 

จนข้าพเจ้าได้อ่านหนังสือ ข้างต้นมาเจอด้วยคำกล่าวข้างต้น 

ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เชื่อสักเท่าไร ว่าจะเป็นจริงทำได้ หรือ เราจะมีสมาธิทำได้ แต่ทุกครั้งข้าพเจ้าจะหัดทำ พยายามทำกรรมฐาน ยุบหนอ พองหนอ ตามที่พระอาจารย์สอน หลังการสวดมนต์ ทุกครั้ง จนวันหนึ่ง ข้าพเจ้าพบกับสิงประหลาด ...ลองติดตามดูใน link นี้เป็นเรื่องจริงทั้งหมด แต่ที่ข้าพเจ้าแนะนำหนังสือ เพื่อบอกว่า หนังสือแจกธรรมทั้งหลาย มีคุณประโยชน์ต่อคนที่มีทุกข์เช่นข้าพเจ้าจริงๆ จนบัดนี้เกิดสุขและทราบกรรมตนเอง ...ชัดเจน แต่ก็ยังเขื่อว่าแค่บางส่วนเท่านั้น ทั้งชีวิตคงมีกรรมมากมายมาหลายร้อยชาติ...




Tuesday 27 August 2013

"ความฉิบหาย" ที่คนไทยกำลังเผชิญ จากการบริหารงานประเทศของชายแก่ หญิงโง่ ทั้งหลาย

วันนี้ ไปจ๊ะเอ๋เจอกับ คอมเม้นท์ FB ของ คุณรจนา มั่นฤทัย เธอ วิจารณ์ภาพล้อเลียนท่านนายกสตรีของชาวไทยได้อย่างเมามันส์ เข้มข้นและได้สาระ สะใจว่างั้นเถอะ!

การวิจารณ์ นำมาจากการที่นายกฯ ท่านให้หญิงฯ ท่านไม่แคร์สื่อค่ะ ท่านให้ความเห็นสตึๆ และมีได้ทุกวันมีรายวัน แม้มันจะสตึๆสักเท่าไร แต่เธอดูเหมือนคนเสียจริต ไม่เข็ดไม่ศึกษา ไม่ระมัดระวัง ทำได้ทุกวัน หาได้คำนึงไม่ว่า คนในชาติเขามีความรู้พัฒนากันแล้ว เขามีทางรับรู้ด้วยความทันสมัยของเทคโนโลยี ทั้งบิดเบือนและโปร่งใส!!

ข้อมูลข่าวสารก็มากมายก่ายกอง แม้ว่าทางรัฐบาลน่าจะกดดันสื่อต่างๆ จนสื่อไม่ยอมเสนอข่าวตรงๆ ให้ถูกต้องประเด็น แต่กลับกลายเป็นเสนอข่าวปาหี่ไปวันๆ ท่านนายกหญิงฯ ก็ยังทำให้ต้องเป็นข่าวด้วยตัวเองทุกวัน สื่อเสนอภาพสวย เธอเสนอภาพเสีย ช่างทำได้ตลอดเวลาซะด้วย ทุกเรื่องที่เป็นปัญหาของประชาชนไม่ว่าเรื่องปากท้อง หรือ ระดับประเทศชาติ ไปจนถึงนานาชาติ หากออกมาจากปากท่าน เพื่อแสดงให้เห็นว่าท่านรับรู้นะ เธอเป็นต้องได้แสดงความต่ำเตี้ยของความรู้พื้นฐานในด้านนั้นๆ ตั้งแต่ท่านทำงานมาสองปีเต็มๆ และยังคงแสดงความขบขันในบทบาทผู้นำประเทศฯ ได้อีกต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด โชคดีของคนไทยอะไรปานนั้น ...

มาดูความเห็นอันแสบสันต์ของคุณรจนา มั่นฤทัย (ต้องขออภัยคุณรจนาที่เอ่ยนาม) ยังไงก็เห็นแจ่มแจ้งทาง FB อยู่แล้ว.. แต่อยากแบ่งปันและนำมาขยายความว่า เกิดอะไรขึ้นในประเด็น ค่าครองชีพอันแสนแพง เพราะความโง่เขลาของผู้นำ ไม่มีปัญญาจะจัดการอะไร ...FB ของคุณรจนา มั่นฤทัย เธอกล่าวให้ความเห็น เน้นๆ แต่เรื่อง "ความฉิบหาย"

ฉิบหายที่ 1: เน้นๆ ว่าท่านนายกไม่มีความสามารถ อย่างยิ่ง  "มึงเคยทำงานหรือปล่าว" (อุ๊ปส์)

ฉิบหายที่ 2 : กูจะบอกให้ มันมีที่มาจากพลังงานตัวเดียว พวกมึง "ปล้น" ไปจากประชาชน วิธีการคือ ของดีส่งออก เอาของนอกนำเข้า!! (OMG...รัฐบาลทั้งฝูง ทนดู ทนฟังได้อย่างไร ฝ่ายค้านฯ เล่า ทำไมไม่เคยเห็นนำเอาประเด็นมาตีแผ่ หรือเอามาทุบตีให้น่วมปั้นใหม่ ร้องเรียกให้คนไทยได้รับประโยชน์ หรือตั้งญัติติมาแย้งให้ค่าครองชีพประชาฯ ดีขึ้น มันต้องมีอะไรมากมายกว่านี้แน่นอน ตามความเห็นดิฉันผู้เขียนค่ะ)

ฉิบหายที่ 3 :  น้ำมันคนไทยของดี ก็ควรต้องให้คนไทยใช้สิ แต่พวกมึง (ใครมั่ง?) กลับเอาจากตะวันออกกลาง ซึ่งมีสารตะกั่วมาก สารปรอทมาก ส่งออกราคาถูกฉิบหาย ขนาดสิงคโปร์ซื้อจากเราเอาไปขายต่อ ขายแค่ลิตรละ 25บาท แต่บ้านเราเกือบ 50 บาท!!

ฉิบหายที่ 4 : ค่่าไฟฟ้าแพงฉิบหาย กฟผ.กฟภ และโรงอื่น? ทำไมไม่ซื้อกับรัฐฯ แต่ดันไปซื้อกับคนหน่วยรัฐปตท. ที่มีการไปตั้งปตท.ของตัวเองเท่ากับเป็นเอกชน ก็แพงฉิบหายตายห่า หน่วยละเกือบ 4 บาท ประชาชน ไม่ได้ต้องการน้ำมัน ที่สั่งเข้ามาที่ "ราคาถูกฉิบหาย แต่ขายแพง" !!

ฉิบหายที่ 5 :  อย่าบอกว่าน้ำมันไทยจะหมดนะประชาชนไม่ใช่คนโง่ ค่่า Ft แพงฉิบหาย คนต้นคิดคือ นาย ปิยะสวัสดิ์ อัมระนันท์ ก็ไม่เข้าใจ จะคิดทำหอกอะไร?? (ต้องเอาหน้าตาคนสมองหมาปัญญาควายมาดูกันหน่อย) 

ฉิบหายที่ 6 : โรงงานเจ๊ง จากค่าแรง 300 บาทมาจากรัฐฯ ต้นคิด ขยันทำฉิบหาย ในขณะที่แก๊ส น้ำมัน ค่าขนส่ง ต่างๆ พากันราคาแพงมาก ก็มาจากการกระทำของรัฐฯ ให้ฉิบหายซ้ำเข้าไปอีก ความฉิบหายที่กระทำต่อคนไทย ต่อให้คนเงินเดือน 20,000 บาท แม่ง..ก็อยู่ไม่ได้ อย่าไปกล่าวหาพ่อค้าแม่ค้าว่าขายแพง เพราะน้ำมันตัวเดียว เพราะรัฐบาล!  

ปกครองประเทศยังไง ก็ต้องให้ปชช.อยู่ได้ ไม่ใช่อยู่ไม่ได้ บ้านกูน้ำท่วมก็เพราะมึง (รัฐบาลท่านนายกหญิง) และคนอีกมากมายที่ยังไม่ได้ซ่อมบ้าน เงินชดเชย 5,000 บาท จะไปทำอะไรวะ ซื้อโลงศพยังไม่ได้ ไม่รู้จะใส่หมาตัวไหนแทนดี 

เธอขอโทษเพื่อนในเพจ วันนี้เธอขอหยาบนิดหน่อย ด้วยทนไม่ไหว!! 

ขณะที่กำลังเขียนอยู่นี้ รัฐบาลสั่ง (จากใคร ผลงานใครไม่ทราบแน่ชัด) ให้ไอ้เดรฉานมาทุบตีใช้ไฟฟ้าช๊อตกับชาวบ้านและชาวสวนยาง  คนทำเอาที่ช๊อตไฟฟ้า ทิ่มหน้าท้องประชาชนชาวสวนยาง อาชีพเป็นตำรวจ ที่ได้ดิบได้ดี เพราะการปูนบำเหน็จของไอ้หน้าอูฐ (ใครก็ไม่ทราบ) เจ้าหน้าที่พวกนี้ เป็นคนของพวกคนเสื้อแดง หรือ พวกรัฐบาลในปัจจุบันนั่นเอง 

งามใส้ประเทศไทยเหลือล้น !!!



Sunday 25 August 2013

โฉมหน้าแฮคเกอร์คนเก่ง !!

นาย Khalil Shreateh - Hacker 

IT อัพเดทข่าวล่าสุดกับ ป๋าเอก TechXcite จากกรณีที่แฮคเกอร์นาม Khalil Shreateh ไปค้นพบช่องโหว่ทางความปลอดภัยบางอย่างใน Facebook แต่พอแจ้งเรื่องไปทีมงานกลับเงียบเฉยจนต้องยอมเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วยการแฮ็คหน้า Wall ของ Mark Zuckerberg บอสใหญ่ของ Facebook โชว์เสียเลยว่ามันมีช่องโหว่จริงๆนะ ซึ่งแม้ว่าสุดท้ายแล้วทาง Facebook จะรับเรื่องดังกล่าวไปพิจารณาแต่สุดท้ายนาย Khalil กลับไม่ได้เงินตอบแทนใดๆเลยแม้แต่น้อย เนื่องมาจากเขาเองก็ไปทำผิดกฏของ Facebook เช่นกัน อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนที่เห็นใจนาย Khalil อยู่ไม่น้อยทีเดียวในโลกออนไลน์ ก็ถึงขนาดที่ว่าสามารถรวบรวมเงินรางวัลจากผู้ใจบุญมามอบให้ได้เลยนั่นแหละครับ


โดยโครงการ GoFundMe ได้จัดแคมเปญเชิญชวนทุกท่านมาบริจาคเงินให้นาย Khalil เป็นรางวัลตอบแทนความพยายามของเขาที่ไปพบช่องโหว่ใน Facebook ซึ่งเบื้องต้นตั้งเป้าหมายเอาไว้ที่ $10,000 และปรากฏว่าผลตอบรับออกมาดีมากเพราะมีผู้สนใจถึง 199 คนเข้ามาบริจาคเงินซึ่งรวมมูลค่าทั้งหมดจนถึงเวลานี้เป็นเงิน $11,305 (339,000 บาท) มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ตอนแรกเสียอีก


ซึ่งเงินทั้งหมดที่ได้มาก็จะนำไปมอบให้ถึงมือนาย Khalil แฮ็คเกอร์คนเก่งของเราอย่างแน่นอนที่ก็น่าจะช่วยปลอบใจเขาได้ไม่น้อยเผลอๆจะดีกว่าเสียอีกเพราะฝั่ง Facebook นั้นตั้งเงินรางวัลขั้นต่ำสุดสำหรับผู้ที่พบช่องโหว่ในระบบของตัวเองเอาไว้เพียงแค่ $500 (15,000 บาท) เท่านั้นเองนะ


ก็ขอแสดงความยินดีกับนาย Khalil เอาไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ แต่คราวหน้าอย่าไปแฮ็คหน้า Wall ของใครเข้าอีกละ โดยเฉพาะตา Mark Zuckerberg นี่แหละ


Refference  : http://tech.th.msn.com/feature