Friday, 10 June 2016

ฆาตกรนักล่าพรหมจรรย์ สัตว์ร้ายในป่าโกงกาง


หลายคนเมื่อได้รู้ประวัติอาชญากรต่างๆ แล้วจะรู้สึกเกลียดชังคนพวกนี้ ก็คงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างใด หากแต่ว่า สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังชีวิตของฆาตกร เหล่านั้นต่างหาก ที่น่ากลัว ส่วนมาก มาจากการถูกเลี้ยงดูอย่างไม่เหมาะสม ถึงแม้ว่าคนเลี้ยงดูพวกเขา จะไม่ใช่ฆาตกรเอง แต่ทว่า พวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างจากฆาตกร เพราะเท่ากับเป็นผู้ให้กำเนิดหรือปลูกสร้างปีศาจมาเป็นฆาตกรนั่นเอง


แดเนียล คาร์มาโก้ อาชญากรชื่อดังระดับโลก ที่เกิดจากการเลี้ยงดูและเติบโต มาท่ามกลางความรุนแรงในครอบครัว เมื่อกว่า 30 ปีที่แล้ว ในปี 1984. ช่วงธันวาคม ไปจนถึงกุมภาพันธ์ 1986. ที่ประเทศเอกัววาดอร์ มีข่าวการพบศพเด็กหญิงและหญิงสาวจำนวนมาก ถูกร่ำลืออย่างหนาหู และข่าวแพร่สะพัดออกไปจนเป็นที่ตระหนกต่อผู้คนทั่วประเทศ และคาดว่าหญิงสาวเหล่านี้น่าจะถูกล่อลวงมาข่มขืน ก่อนที่จะถูกสังหารอย่างเลือดเย็น โดยศพที่พบนั้นถูกพบห่างไกลจากสายตาผู้คน ในป่ารกร้าง หลายศพเปลือยเปล่า หลายศพถูกทำร้ายด้วยของมีคม บางศพมีสภาพเลวร้ายมาก และมีหลายศพถูกแบ่งชิ้นส่วนออกจากกันเป็นช้ันๆ เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทุกศพเป็นผู้หญิง อยู่ในวัยต่างๆ กัน ตั้งแต่เด็กหญิงไปจนถึงหญิงสาว และทุกศพล้วนเป็น "สาวพรหมจรรย์ "


สำหรับในประเทศเอกัววาดอร์นี้ เป็นประเทศที่มีแก๊งส์อันธพาลและกลุ่มคนผิดกฏหมายมากมาย ทำให้ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าฆาตกราี่แท้จริงจะเป็นชายร่างเล็ก ผอม ท่าทางอ่อนแอ ขี้โรค. ยากจะเชื่อได้ว่าชายคนนี้จะฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยมมาแล้วกว่า 70 ศพ นั่นคือจำนวนศพของเหยื่อที่เชื่อกันว่าน่าจะมีมากถึง 150 ศพ อย่างแน่นอน ในพท. ที่ลงมือสังหารเหยื่ออยู่ในเขตโนโบว์ เป็นพท. นอกเขตย่านชุมชนและเป็นป่าโกงกาง นี่เองจึงเป็นเหตุให้มีการเรียกฆาตกรรายนี้ว่า "สัตว์ร้ายแห่งป่าโกงกาง"


แดเนียล คาร์มาโก้ หรือแดเนียล คาร์มาโก บาโบว์ซ่า เกิดวันที่ 22 มกราคม ปี 1930. ซึ่งสถานที่เกิดไม่มีข้อมูลระบุแน่ชัด แต่คาดกันว่าจะอยู่บริเวณแอนดิสต์ ประเทศโคลัมเบียร์ ช่วงวัยเด็กของแดเนียล เขาต้องเริ่มต้นชีวิตอันแสนเจ็บปวดเลวร้าย หลังจากที่แม่เสียชีวิตไป ตอนเขามีอายุแค่ 1 ปีเท่านั้น พ่อของแดเนียลปัญหาพื้นฐานทางจิตจากความรู้สึกที่ว่า ตนเองอยากจะมีลูกสาวอย่างรุนแรง หลังจากนั้นพ่อของแดเนียลแต่งงานใหม่ แต่ภรรยาใหม่มีบุตรยาก เมื่อภรรยาใหม่ไม่สามารถมีบุตรสาวให้ตามต้องการ เพื่อตอบสนองอาการคลั่งไค้ลบุตรสาว พ่อของแดเนียลจึงจับแดเนียลแต่งกายเป็นเด็กผู้หญิง จนถึงการไปโรงเรียนแดเนีลก็ต้องแต่งกายเป็นเด็กผู้หญิงไปโรงเรียน แดเนียลต้องรับสภาพจากการถูกเหยียดหยาม ถูกล้อเลียนโดนเพื่อนๆ เยาะเย้นถากถางในโรงเรียน และกลายเป็นเด็กที่มักถูกถากถางใน. รร. แต่ก็ไม่สามารถขัดขืนคำสั่งจากผู้เป็นพ่อได้ เพราะเมื่อขัดขืนเมื่อใด แดเนียลจะถูกลงโทษด้วยความรุนแรง โดนเหล็กแหลมทิ่มแทง จนเจ็บปวดแสนสาหัสทั้งร่างกายและจิตใจ


การถูกเลี้ยงดูโดยพ่อที่มีความรุนแรงและเผด็จการ. ทำให้แดเนียลมักจะถูกทำร้านร่างกายอย่างทารุณ จนราวกับว่าความเจ็บปวดเหล่านั้น ไม่มีวันสิ้นสุดสำหรับแดเนียล และบางครั้งลุงของเขามาพบเข้า ก็จะห้ามปรามมิให้พ่อทำร้ายเขาอย่างป่าเถื่อน ตั้งแต่วัยเด็กแดเนียลนับว่าเป็นเด็กมีสติปัญญาดี มีความเฉลียวฉลาดและเป็นเด็กมีผลการเรียนดี มีความฉลาดมากกว่าเด็กคนอื่นๆ แดเนียลคาดหวังไว้ว่าในอนาคตเขาจะได้รับการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่สุดท้ายแล้วความหวังของเขาก็ถูกทำลายอย่างหมดสิ้น เมื่อพ่อของเขาสั่งให้ออกจาก. รร. เพื่อมาทำงานหารายได้ช่วยครอบครัว นั่นยิ่งทำให้ความเกลียดชังพ่อของเขา ถูกสะสมมากยิ่งขึ้นไปอีก แดเนียลนั้นตนเองรู้สึกว่าเติบโตมาอย่างคนขาดความรักจากแม่ เขาจึงต้องการความรักจากหญิงสาวมาทดแทน ในขณะเดียวกันเขาก็เกลียดชังแม่เลี้ยงที่เห็นดี เห็นงามส่งเสริม ให้พ่อเขาลงโทษเขาอย่างทารุณ หรือบังคับให้เขาต้องแต่งกายเป็นผู้หญิง ความรู้สึกที่เขาจงเกลียดจงชังแม่เลี้ยงนั้นผสมปนเปกับความต้องการความรักจากผู้หญิง จนไม่สามารถแยกความขัดแย้งเหล่านี้ออกจากกันได้


ในปั 1960. แดเนียลเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ในวัย 30 ปี และเขาพบรักกับผู้หญิงคนสำคัญคือ แอลซิล่า ซึ่งเธอได้เปลี่ยนชีวิตเขาไปตลอดกาลนับแต่บัดนั้น แดเนียลหลงรักแอลซิล่าอย่างหัวปักหัวปำ ซึ่งเธอเป็นเหตุให้เขาแยกตัวออกมาจากครอบครัว เพื่อแต่งงานและเริ่มต้นชีวิตใหม่กับเธอโดยเขาวาดฝันไว้ว่า แอลซิล่านี่แหละคือ ผู้ที่จะมาชำระล้างความทุกข์ระทมในจิตใจ ที่เขาต้องเผชิญมาแต่เมื่อครั้งวัยเยาว์ แต่อีก 6 ปีต่อมาแดเนียลก็จับได้ว่าแอลซิล่าภรรยาสุดที่รัก กำลังระเริงร่วมรักกับชายชู้บนเตียงนอน ของเขา นับแต่นั้นเป็นต้นมา แดเนียลมีจเตใจเต็มไปด้วยความหดหู่ ซึมเศร้าู เคียดแค้น ชิงชังผู้หญิงฝังแน่นอยู่ในจิตใจ นี่จึงเป็นเหตุให้เขาเริ่มมองหาวิธีการแก้แค้นผู้หญิง ปีศาจร้ายครอบงำภายใต้จิตใจของเขา แดเนียลเริ่มก่อคดีข่มขืนหญิงสาว และมีคดีฆาตกรรมอีกหลายคดีตามมาในเวลาต่อมา


หลังจากเลิกรากับอดีตภรรยา แอลซิล่า แล้วแดเนียลก็คบหากับผู้หญิงคนใหม่ ซึ่งเธอก็ไม่ใช่คนดีอะไรนัก เพราะเธอเป็นคนที่คอยส่งเสริมล่อลวงเหยื่อเด็กสาวบริสุทธิ์ มาให้แดเนียลทำการข่มขืนที่อพาทเม้นต์ ด้วยการมอมยากับใช้ยาสลบโดยเหยื่อส่วนมาก ก็เป็นเด็กสาวอายุน้อยๆ ง่ายต่อการล่อลวงได้ง่ายๆ แดเนียลกับแฟนใหม่ ร่วมมือกันก่อคดี ข่มขืนกระทำชำเราเด็กสาวต่อเนื่องกันถึง 5 ราย จนต่อมาทั้งคู่ก็ถูกตำรวจตามจับกุมแต่ต้องแยกย้ายกันไปติดคุกในปี 1964 ในเบื้องต้นแดเนียล คาร์มาโก้ ได้ถูกตัดสินให้ถูกจองจำในคุกเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งนั้นเพราะต้องการทำให้เขาคิดได้ว่า เมื่อเขาออกไปแล้วก็จะกลับตัวกลับใจใหม่ ไม่ไปข่มขืนใครอีก แต่คำตัดสินที่เขาได้รับในภายหลัง ศาลสั่งจำคุกแดเนียล เพิ่มขึ้นอีกถึง 8 ปี ซึ่งนั่นทำให้เขารู้สึกเคียดแค้นชิงชังผู้คน และกระบวนการยุติธรรม จนถึงกับสาบานว่าหากเขาพ้นจากกรงขังมนุษย์ (คุก) แห่งนี้ไปได้ เขาจะก่อคดีให้มากขึ้น ให้รุนแรงขึ้น และที่สำคัญเขาจะไม่ยอมให้มีข้อผิดพลาดปล่อยให้เหยื่อรอดชีวิตมาเอาผิดเขาได้อีกต่อไปแม้แต่คนเดียว

หลังพ้นโทษแดเนียลได้ถูกจับกุมอีกครั้งที่ประเทศบราซิล แต่เพราะทางการบราซิลติดขัดเรื่องเอกสารทางด้านอาชญากรรม ทำให้เขาเพียงถูกลงโทษด้วยการเนรเทศกลับไปยังประเทศโคลัมเบียเท่านั้น การกลับมาที่ประเทศโคลัมเบียครั้งนี้ เขาได้ใช้ชื่อปลอม และได้เข้าไปทำงานเป็นเซลส์ขายโทรทัศน์ และนี่ทำให้เขาได้พบกับเด็กหญิง 9 ขวบเข้าโดยบังเอิญ โดยเขาเดินผ่านหน้าโรงเรียนของเธอ เขาบอกกับตัวเองทันทีว่าเขาได้ตกหลุมรักเด็กหญิงผู้นี้เสียแล้วอย่างจัง และเด็กหญิงหน้าตาน่ารักน่าชังคนนี้ จะต้องเป็นเหยื่อคนแรกของเขาหลังจากที่ได้พ้นโทษออกมาแล้ว แดเนียลทำตามคำสาบานที่ได้ให้ไว้กับตัวเองในคุก เขาลงมือข่มขืนเด็กหญิงวัย 9 ขวบอย่างโหดเหี้ยมผิดมนุษย์ น้ำตาแห่งความเจ็บปวดหวาดกลัวของเด็กน้อย ไม่ได้ทำให้ใจของแดเนียลอ่อนลงแม้แต่นิดเดียว ในท้ายที่สุด เขาก็บีบคอเด็กน้อยจนเสียชีวิตคามือ เพื่อไม่ให้มีพยานหรือผู้เสียหายหลงเหลือบนโลกนี้อีกต่อไปตามที่ได้ตั้งใจไว้

แต่เหตุการณ์ไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เพราะแม้ว่าเหยื่อจะเสียชีวิตก็ยังมีหลักฐานอื่นๆ อีกมากมายที่หลงเหลือพอจะทำให้ตำรวจตามจับแดเนียลได้ในเวลาไม่นานนัก ในการพิจารณาคดีครั้งนี้แดเนียลได้ถูกตัดสินลงโทษให้จำคุก ตลอดชีวิต และจากการก่อเหตุสะเทือนขวัญร้ายแรง ทำให้เขาต้องถูกส่งตัวไปจำคุกที่เรือนจำพิเศษ ณ. เกาะกอร์กอน ในมหาสมุทรแปซิกฟิกออฟโคลัมเบัย เกาะกอร์กอนเป็นเกาะภูเขาไฟอยู่กลางทะเล ที่อยู่ห่างจากชายฝั่งถึง 28 กม. โดยจุดเด่นของเกาะแห่งนี้คือ ทะเลรอบๆเกาะมีน้ำเชี่ยวกราดรุนแรงและเป็นอันตรายมาก และเต็มไปด้วยฉลามฝูงใหญ่เวียนว่ายอยู่รอบเกาะ จึงทำให้เรือนจำบนเกาะแห่งนี้ยอมรับว่าเป็นเรื่อนจำบนเกาะที่มีรั้วปราการธรรมชาติที่อันตรายเกินว่าที่นักโทษจะกล้าหลบหนีออกไปได้ ซึ่งเหมาะสมแล้วกับแดเนียลใจโหด นักโทษอันตรายคนนี้

แม้ว่าคุกกอร์กอน จะรายล้อมไปด้วยอันตรายรอบเกาะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้แดเนียลตัดความคิดที่จะหลบหนีไปได้ ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ไม่เคยคิดจะทิ้งชีวิตที่เหลือไว้บนเกาะแห่งนี้ นั่นจึงทำให้เขาคิดวางแผนการณ์ และหาจุดอ่อนของเรือนจำแห่งนี้ จนในที่สุดแดเนียลก็พบว่า เรือนจำแห่งนี้ดูเหมือนจะมีการควบคุมรัดกุมแน่นหนา หากแต่ว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าหน้าที่ และผู้คุมต่างก็เชื่อมั่นมากเกินไปว่า ไม่มีนักโทษคนใดในโลกนี้จะหลบหนีออกไปจากเกาะแห่งนี้ได้ และจะมีชีวิตเหลือรอดกลับไปอย่างแน่นอน แต่แดเนียลกลับไม่คิดเช่นนั้น เขาเฝ้ามองจังหวะเวลาในการทำงานและจับตาดูพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่เรือนจำ รวมไปถึงคอยสอดส่องเก็บข้อมูลภูมิประเทศโดยรอบ

จนแดเนียลพบเจอช่องโหว่ของเรือนจำแห่งนี้ คือ ความประมาทของเจ้าหน้าที่เรือนจำนั่นเอง แดเนียลเตรียมแผนการณ์ทั้งหมดเอาไว้ สำหรับการหลบหนี และเฝ้าอดทนรอจังหวะเวลาจากโอกาสอันน้อยนิดจนเวลานั้นมาถึง ช่วงยามบ่ายของวันที่ 23 พ.ย. ปี 1984 โอกาสที่เฝ้ารออย่างเนิ่นนานก็มาถึง เพียงแค่ชั่วพริบตาที่เจ้าหน้าที่และผู้คุมกำลังประมาทเลินเล่อ แดเนียลใช้เวลานั้นหลบสายตาจากผู้คุมหนีออกมาจากเรือนจำได้อย่างง่ายดาย แล้วเขาก็มุ่งหน้าไปยังชายฝั่ง และใช้เรือเล็กสภาพเก่าๆ ที่ถูกผูกทิ้งร้างเอาไว้ฝ่ากระแสคลื่นออกไปในทะเล เขาคิดแต่ภาพที่อยู่ตรงหน้า โดยไม่ได้สนใจเลยว่าภายในเรือไม่มีทั้งน้ำและอาหารการยังชีพ ที่จะใช้ชีวิตในทะเลแต่แดเนียลก็ไม่ได้สนใจ เพราะเขาคิดว่าเขาไปเผิชญธรรมชาติสุดโหดกับฝูงฉลามมันยังดีกว่าที่เขาจะทนติดคุกไปจนวันตาย ในขณะทางเรือนจำกอร์กอน เมื่อเจ้าหน้าที่รู้ตัวแล้วว่ามีนักโทษหลบหนี ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้สนใจจะติดตาม เพราะไม่คิดว่าใครจะมีชีวิตรอดไปได้กับสภาพแวดล้อมแบบนี้ ในเกาะและเรือนจำจะเป็นที่ปลอดภัยที่สุดแล้ว โดยเฉพาะการนำเรื่อเก่าๆสภาพซอมซ่อฝ่าฝูงฉลามอันดุร้าย ก็ไม่ต่างกับการโดดลงทะเลดังนั้นทางเรือนจำจึงเชื่อว่า แดเนียล คาร์มาโก้ ได้เสียชีวิตแล้วแน่นอน

ไม่ผิดไปจากการคาดการณ์ของแดเนียลแม้แต่น้อย เพราะเจ้าหน้าที่เรือนจำประมาทมากเกินไป ทำให้อีก 3 วันต่อมา เขาก็สามารถพายเรือบุโรทั่งมาถึงชายฝั่งได้สำเร็จ โดยไร้เงาเจ้าหน้าที่ออกไล่ล่าติดตามมาเลย หลังขึ้นฝั่งแดเนียลใช้วิธีเดินเท้าและโบกรถที่ผ่านไปมา และเดินทางไปเรื่อยๆ แบบค่ำไหนนอนนั่นอย่างไม่มีจุดหมาย จนพ้นเขตแดนของบราซิล ข้ามไปยังโคลัมเบีย จนไปถึงเอกัววาดอร์ และที่นี่เองเป็นดินแดนแห่งการก่อฆาตกรรมครั้งใหม่ของแดเนียล คาร์มาโก้ ผู้ก่อคดีฆ่าสาวพรหมจรรย์มากมายถึง 150 ศพ

เหตุการณ์ร้ายครั้งแรกที่เกิดในเอกัววาดอร์ ถูกเปิดเผยเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. 1984 ณ. เมืองเกเบโด้ บริเวณชายฝั่งของเอกัววาดอร์ จากการพบศพเด็กหญิงวัย 9 ปี คนหนึ่ง หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก ชาวเมืองก็ต้องแตกตื่นหวาดผวา เมื่อเด็กหญิงวัยไม่เกิน 10 ปี ทะยอยหายตัวกันไปอย่างต่อเนื่อง โดยหลังการหายตัวไป เด็กๆ เหล่านั้น ก็มักจะถูกพบเป็นศพดูน่าสยดสยองในสภาพเปลือยเปล่า และมีร่องรอยถูกข่มขืนก่อนจะถูกสังหารทุกราย ซึ่งศพเด็กสาวจำนวนมากถูกค้นพบริมถนนโกโบว์ ที่ถูกปกคลุมไปด้วยป่าโกงกางหนาทึบ ในเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองเอกัววาดอร์สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นฝีมือของพวกแก้งส์นอกกฏหมาย ที่มีสมาชิกเป็นนักเลงอันธพาลกระจัดกระจายกันอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ทั้งตำรวจและชาวเมือง ไม่มีใครสงสัยเลยว่า เป็นฝีมือจากชายเร่ร่อนรูปร่างผอมบางเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น

แดเนียลไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักเป็นแหล่ง และเอาตัวรอดไปวันๆโดยการใช้เงินทองเล็กๆ น้อยๆ ที่ติดตัวเหยื่อมาเท่านั้น ทำให้ในบางครั้งเขาต้องทำตัวเป็นขอทานอยู่ริมถนน บางครั้งก็ต้องนำเอาเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับของเหยื่อมาเร่ขายถูกๆ แม้ว่าความเป็นอยู่จะไม่สบายนัก แต่แดเนียลก็ใช้ชีวิตได้อย่างไม่ลำบากลำบนอะไร เพราะค่าครองชีพของที่นี่ต่ำมาก อีกทั้งเขายังพอใจที่จะใช้ชีวิตด้วยการเร่ร่อนออกหาเหยื่อใหม่ๆ เขาไปทั่วตามเมืองต่างๆ ไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองวายานฟิวส์ จีโต้ บาราโต้ มาเชลล่า โกโบว์ เกเบโด้ ก่อนลงมือก่อเหตุตามสถานที่ต่างๆ อย่างไม่เจาะจง ทำให้ตำรวจยากที่จะหาทางป้องกัน หรือติดตามร่องรอยของคนร้ายได้ แดเนียลจึงก่อเหตุสะเทือนขวัญอย่างยาวนานถึง 2 ปี คือตั้งแต่ปี 1984-1986 เขาข่มขืนและฆ่าหญิงสาวไปแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ราย ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นเด็กหญิงอายุน้อย ไปจนถึงผู้หญิงท่าทางอ่อนแอและอยู่คนเดียว

วิธีการหาเหยื่อคือ การเข้าไปตีสนิทกับเหยื่อ โดยอ้างว่าตนเองเดินทางมาจากประเทศอื่น และต้องการเดินทางไปพบกับบาทหลวงนิกายโปรแตสแตนส์ อยู่ย่านชานเมือง พร้อมทั้งเสนอค่าตอบแทนจำนวนมากสำหรับผู้ที่จะช่วยเหลือนำทาง จำนวนเงินที่แดเนียลใช้ล่อเหยื่อมากพอจะทำให้หลายๆ คนตกลงใจนำทางให้เขา จนเมื่อเข้าสู่ป่าที่ห่างจากผู้คน แดเนียลก็ลงมือข่มขืนแล้วบีบคอเหยื่อจนถึงแก่ความตาย หากเหยื่อต่อสู้ดิ้นรนขัดขีนอย่างรุนแรง เขาก็จะใช้มีดปลายแหลมแทงเข้าไปที่ร่างของเหยื่อเพื่อหยุดการต่อต้านหลังจากนั้นศพที่ถูกข่มขืนก็จะถูกนำไปซ่อนไว้ในป่าที่ยากจะพบเจอ นับวันแดเนียลก็มีความสุขกับการล่าเหยื่อแล้วข่มขืนฆ่าปิดปาก โดยที่ไม่มีใครเลยที่สงสัยในตัวเขา จนเขาย่ามใจและลงมือก่อเหตุที่รุนแรง และเหี้ยมโหดมากขึ้นเรื่อยๆ

แดเนียลกำลังเสพติดการข่มขืนสาวบริสุทธิ์อย่างถอนตัวไม่ขึ้น ทุกครั้งที่ก่อเหตุเขาจะดื่มด่ำกับภาพตรงหน้ารวมไปถึงจดจำสถาณการณ์และจดจำอารมณ์ในช่วงเวลานั้นไว้อย่างละเอียดละออ ดังนั้นเขาจึงสามารถบรรยายเหยื่อแต่ละคนได้อย่างแม่นยำ แม้ว่าจำนวนเหยื่อของเขาจะมีจำนวนมากมายและเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตาม

วันที่ 26 กพ. เป็นอีกวันที่แดเนียลลงมือก่อเหตุฆ่าข่มขืนเด็กหญิงวัย 9 ปี ที่มีชื่อว่า เอลิซาเบธ หากแต่ว่าในวันนั้นเป็นวันที่เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวณบริเวณก่อเหตุเข้าพอดี ทำให้พวกเขาได้พบกับแดเนียล ที่แสดงอาการตื่นตกใจเมื่อเผิชญหน้ากับตำรวจอย่างกระทันหัน อาการลุกรี้ลุกลน มีพิรุธทำให้ตำรวจเริ่มสังเกตุเห็นว่า เสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและกระเป๋าเดินทางของแดเนียลมีร่องรอยเลือดติดอยู่ ซึ่งเป็นเลือดจากเหยื่อรายล่าสุดนั้นเอง เมื่อพบความผิดปกติตำรวจจึงออกกระจายกำลังค้นโดยรอบ และพบหลักฐานมากมาย รวมทั้งโครงกระดูก และยืนยันได้ว่าแดเนียลคือฆาตกรตัวจริงที่สร้างความหวาดผวาให้กับผู้คนทั่วบ้านทั่วเมือง หลังจากค้นพบหลักฐานทำให้แดเนียลปฏิเสธอะไรไม่ได้่ เขาสารภาพออกมาทั้งหมดตั้งแต่แต่เขาแหกคุกกอร์กอนออกมาสำเร็จเขาก็ได้ฆ่าหญิงสาวไปแล้วมากมาย กว่า 100-150 ศพ บางศพยังค้นไม่พบหรือเน่าเปื่อยไปแล้ว แดเนียลมีความอำมะหิตเลือดเย็นราวกับปีศาจ ไม่เหมือนมนุษย์ ไม่ได้มีความสำนึกผิดสักนิดเลยแม้แต่น้อย แถมยังโอ้อวดอีกว่า เหยื่อของเขาที่เป็นสาวบริสุทธิ์ เพราะการฆ่าเหยื่อที่เป็นสาวบริสุทธิ์ จะทำให้เขามีความสุขอย่างเต็มที่ พร้อมทั้งยังบอกอีกว่า การตายของเหยื่อคือการแสดงออกถึงความเคียดแค้นชิงชังของเขาที่มีต่อความไม่ซื่อสัตย์ของสตรีเพศ

เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจนสามารถรวบรวมพยานหลักฐานสรุปคดีฆาตกรรมของแดเนียลเป็นจำนวนผู้เสียชีวิตได้ 71 ราย โดยศาลพิภากษาจำคุกเขานาน 16 ปี และแดเนียลได้อยู่ร่วมคุกกับฆาตกรระดับตำนานโลก เช่น เมโดร อลองโซ่ โลเปซ ฆาตกรต่อเนื่องแห่งเทือกเขาแอนติสต์ ที่ลงมือสังหารเหยื่อกว่า 300 ศพ ระหว่างที่แดเนียลกำลังใช้ชีวิตในคุกโซนนักโทษอันตราย นักข่าวชื่อ ฟานซิส คอนเดรโร่ พยายามเข้าไปสัมภาษณ์แดเนียลในคุก แต่ พท. โซนนักโทษอันตรายจะไม่ยอมให้ใครเข้าไปง่ายๆ ฟรานซิส จึงแอบอ้างว่าเขาเป็นนักจิตวิทยา เขาจึงเข้าไปในนั้นได้สำเร็จ หลังการสัมภาษณ์เสร็จสิ้น นักข่าวจึงออกมาให้ข้อมูลแก่สังคมภายนอกว่า แดเนียล คาร์มาโก้ เป็นชายผอมบางร่างเล็ก ที่มีส่วนสูงเพียง 165 เซ็นติเมตรเท่านั้น เขาเป็นคนที่สูบบุหรี่จัดจนปากเป็นสีดำคล้ำ หน้าผากกว้าง ผมบาง และมีฝ่ามือขนาดใหญ่ ฟรานซิสให้ความเห็นว่า ไม่ว่าจะดูยังไงแดเนียลก็เหมือนกับคนอ่อนแอขี้โรคมากกว่าจะเป็นฆาตกรต่อเนื่องที่ทำให้ผู้คนหวาดกลัวไปทั้งเมืองได้ อย่างไรก็ตามจากการทดสอบระดับเขาว์ปัญญาพบว่า แดเนียลมีระดับไอคิวค่าเฉลียสูงกว่าคนทั่วไป นับได้ว่า เขาเป็นคนที่ฉลาดมากคนหนึ่ง น่าเสียดายที่ต้องเข้าสู่เส้นทางอาชกรรม คำตอบการสัมภาษณ์ของฟรานซิสนั้น เขาตอบคำถามอย่างรอบรู้ เต็มเปี่ยมไปด้วยภูมิความรู้ จากการอ่านหนังสือมากมายในห้องสมุดในเรื่อนจำ แดเนียลชอบศึกษาหาความรู้ ศึกษาวรรณกรรมต่างๆ หลายเล่ม เขาสนใจทางทฤษฏีทางจิตวิทยาของซอกมันฟรอยด์ และนักจิตวิทยาคนอื่นๆ อีกหลายคน รวมถึงเขามีความสนใจศึกษาทางด้านศาสนศาสตร์อีกด้วย

แดเนียลใช้ชีวิตช่วงสุดท้ายในคุกเรือนจำสูงสุดในเอกาวาดอร์ และหันมานับถือศาสนาคริสต์ ปี 1994 ช่วงเดือน พย. ผู้คุมและนักโทษคนอื่นๆ ต้องตกตลึงต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อร่างของแดเนียลถูกแทงด้วยมีดจนพรุนไปทั้งตัว ก่อนที่จะสิ้นใจตายไปอย่างทรมาณ พยานในที่เกิดเหตุให้การว่า ผู้ที่ลงมือสังหารแดเนียลคือนักโทษคนนึงที่มีญาติเป็นเหยื่อจากการข่มขืนฆ่าของแดเนียล ในวันเกิดเหตุแดเนียลใช้ชีวิตตามปกติ แต่แล้วจู่ๆ นักโทษมือสังหารก็พุ่งตรงมายังแดเดียลพร้อมกดเขาให้ลงไปนั่นในท่าคุกเข่าแล้วมือสังหารก็ตะคอกใส่แดเนียลว่า นี่เป็นเวลาแห่งการชำระแค้น ทันทีสิ้นเสียงเขาก็แทงไปที่แดเนียลหลายครั้ง จนเลือดทะลักออกมานองพื้นและนักโทษมือสังหารก็ก้มลงไปดื่มกินเลือดของแดเนียลจนกระทั่งผู้คุมมาลากตัวเขาออกไป นั่นจึงสิ้นชื่อและสิ้นตำนานของนักล่าพรหมจรรย์ สัตว์ร้ายแห่งป่าโกงกาง

ที่มา:  Birdy-CH3 อาชญากรรมสะท้านโลก     

No comments:

Post a Comment